สรุป 12 Tenses
ก่อนที่จะเข้าสู่บทเรียน สรุป Tenses ทั้ง 12 Tenses น้อง ๆควรได้รู้ภาพรวมคร่าว ๆ ของเนื้อหาตัวนี้ก่อน ซึ่งคำถามยอดฮิตคือ
Q: Tenses คืออะไร?
A: คือไวยกรณ์เหมือนภาษาไทยนี่แหละจ้า เรียนเพื่อให้เราใช้ประโยคได้ถูกต้อง รู้เรื่อง
Q: แล้ว Tenses มีอะไรบ้าง
A: มีทั้งหมด 12 ชนิด แบ่งตามเวลา 3 ช่วง (อดีต ปัจจุบัน และอนาคต) กับ ลักษณะของการกระทำอีก 4 แบบ
สรุป เทคนิคเข้าใจ Tenses ง่าย ๆ ไม่ต้องท่องก็จำได้ !
ให้เราจินตนาการว่า tenses คือ โรงเรียนที่มี 3 ช่วงชั้น คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต แล้วในโรงเรียนก็มีกีฬาสีแบ่งออกเป็น 4 สี คือ simple, continuous, perfect และสีสุดท้าย perfect continuous โดยแต่ละสีจะมีนิสัยพิเศษ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสีนั้น ๆ
ช่วงเวลาxการกระทำ | Past | Present | Future |
Simple | S + V.2 | S + V.1 | S + will + V.inf |
Continuous | S + was/were + V.ing | S + is/am/are + V.ing | S + will + be + V.ing |
Perfect | S + had + V.3 | S + has/have + V.3 | S + will + have + V.3 |
Perfect Continuous | S + had + been + V.ing | S + has/have + been + V.ing | S + will + have + been + V.ing |
S = ประธาน, V = กริยา, V.inf = กริยาต้นฉบับ (ไม่ผันหรือเปลี่ยนรูปใด ๆ ส่วนใหญ่หน้าตาเหมือน V.1)
มาเริ่มที่สีแรก simple : สีนี้จะมีนิสัยเรียบง่าย ไม่เรื่องเยอะตามชื่อ simple
- Past simple: S + V.2
- ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต เอาไว้บอกว่าการกระทำนั้น ๆ เสร็จสิ้นไปแล้ว
ตัวอย่างประโยค
- I loved you. แปลว่า ฉันเคยรักเธอ (ในอดีตเคยรัก และหมดรักไปแล้ว)
- You gave him your heart. แปลว่า คุณให้ใจกับเขาไปแล้ว (ให้ไปตั้งแต่ในอดีตแล้ว ให้ไปนานแล้ว)
- She was my best friend. แปลว่า เธอเคยเป็นเพื่อนรักของฉัน (เคยเป็นเพื่อนกันในอดีต แต่ความเป็นเพื่อนมันจบไปแล้ว)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
- Present simple: S + V.1
- ใช้กับข้อเท็จจริงต่าง ๆ เช่น น้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส, ฉันเป็นผู้หญิง, ชื่อของเขาคือต้น
- ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น เทศกาลปีใหม่ (เกิดขึ้นเป็นประจำในวันที่ 1 มกราคม)
- ใช้กับนิสัยหรือรสนิยมส่วนตัว เช่น ฉันเป็นคนรักเด็ก เธอเป็นคนนอนตื่นสาย
ตัวอย่างประโยค
- I love you. แปลว่า ฉันรักคุณ (รักจริง ๆ นะ ไม่ได้โม้ ถือเป็นข้อเท็จจริง)
- We celebrate Christmas on December 25. แปลว่า เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม (เป็นเทศกาลที่เกิดขึ้นเป็นประจำ)
- I like dogs. แปลว่า ฉันชอบสุนัข (เป็นรสนิยมส่วนตัว)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
- Future simple: S + will/be going to + V.inf
*** บางโรงเรียนสอนให้ใช้ V.1 เป็นความรู้ที่ผิดนะคะ ต้องเป็น V.inf เพราะกริยาทุกตัวที่ตามหลังกริยาช่วย (ในที่นี้คือตามหลัง will นั่นเอง) ต้องเป็นกริยาดั้งเดิมซึ่งก็คือ V.inf เพียงแต่ V.inf ส่วนใหญ่จะมีหน้าตาเหมือนกันกับ V.1 แต่จำไว้เสมอว่า ไม่ได้เหมือนกันทุกตัว ***
- ใช้กับเรื่องที่คาดว่า/วางแผนว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น
ตัวอย่างประโยค
- I will make you happy. แปลว่า ฉันจะทำให้คุณมีความสุข (คาดว่าจะทำ)
- He is going to be a better person. แปลว่า เขาจะเป็นคนที่ดีขึ้น (วางแผนว่าจะปรับปรุงตัว)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
ต่อกันที่สีที่ 2 continuous: สีนี้จะมีนิสัยกระตือรือร้น กำลังทำอะไรอยู่ตลอด ทำอะไรอย่างต่อเนื่อง
- Past continuous: S + was/were + V.ing
* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์แทรกกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *
- ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต เอาไว้เล่าถึงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ตอนนั้น
ตัวอย่างประโยค
- I was eating rice. แปลว่า ตอนนั้นฉันกำลังทานข้าวอยู่ (ตอนนี้ทานเสร็จไปแล้ว แต่เล่าถึงว่าในอดีตกำลังทำอะไรอยู่)
- You were having fun. แปลว่า ตอนนั้นคุณกำลังสนุกเลย (ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว แต่ตอนนั้นกำลังสนุก)
- He was running. แปลว่า ตอนนั้นเขากำลังวิ่งอยู่ (ตอนนี้ไม่ได้วิ่งแล้ว แต่ตอนนั้นกำลังวิ่งอยู่)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
- Present continuous: S + is/am/are + V.ing
- ใช้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น หรือกำลังทำอยู่ในขณะที่พูด
ตัวอย่างประโยค
- I am studying. แปลว่า ฉันกำลังเรียนหนังสืออยู่ (ตอนนี้กำลังเรียนอยู่อย่างต่อเนื่อง)
- They are sleeping. แปลว่า พวกเขากำลังหลับอยู่ (กำลังกลับอยู่ในขณะที่คนพูดพูดอยู่)
- The cat is sitting on my computer. แปลว่า แมวกำลังนั่งอยู่บนคอมของฉัน (กำลังนั่งอยู่ในขณะที่ฉันพูด)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
- Future continuous: S + will + be + V.ing
- ใช้กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เอาไว้เล่าว่าในอนาคตตอนนั้นจะกำลังทำอะไรอยู่
ตัวอย่างประโยค
- I will be celebrating on my birthday. แปลว่า ในวันเกิดฉันน่าจะกำลังฉลองอยู่ (ยังไม่ถึงวันเกิด แต่เดาว่าในวันเกิดต้องกำลังฉลองอยู่แน่)
- He will be crying after the announcement of exam results. แปลว่า หลังจากการประกาศผลสอบเขาต้องร้องไห้แน่ๆ (ผลสอบยังไม่ประกาศ แต่เดาว่าในอนาคตเมื่อประกาศแล้วเขาจะร้องไห้)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
สีที่ 3 perfect: สีนี้จะมีนิสัยครองทุกยุค อยู่ในทุกช่วงเวลา มักทำอะไรนาน ๆ ขี้โม้ ชอบเล่าประสบการณ์
- Past perfect: S + had + V.3
* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์ต่อกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *
- ใช้กับเรื่องที่จบไปแล้วในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดตามมา
ตัวอย่างประโยค
- When Janny arrived, the exam had already started. แปลว่า ตอนเจนนี่มาถึง การสอบก็ได้เริ่มไปแล้ว (การสอบเริ่มไปก่อน เจนนี่มาถึงทีหลัง)
- Kai was depleted. He had studied hard all day. แปลว่า ไคเหนื่อยล้ามาก เขาเรียนหนักมาทั้งวัน (เรียนหนักมาทั้งวันก่อน แล้วจึงเหนื่อย)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
- Present perfect: S + has/have + V.3
- ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน (และน่าจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต)
ตัวอย่างประโยค
– We have studied in the same school for four years. (เรียนโรงเรียนเดิมมาสี่ปีแล้ว ตอนนี้ยังเรียนอยู่ และในอนาคตน่าจะเรียนต่อ)
- ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในช่วงเวลาหนึ่ง และช่วงเวลานั้นยังไม่หมด
ตัวอย่างประโยค
– Coronavirus has spread around the world this year. (เริ่มต้นในปีนี้และปีนี้ยังไม่หมด)
- ใช้กับเรื่องที่เพิ่งจะเสร็จไป
ตัวอย่างประโยค
– I have just finished my homework. (เพิ่งจะทำการบ้านเสร็จ)
- ใช้กับเรื่องที่ไม่ระบุเวลา และต้องการแค่เล่าว่าเคยทำ ไม่เคยทำ ประสบการณ์ หรือ ผลลัพธ์
ตัวอย่างประโยค
– I have learned Japanese, Korean, Italian, and English.
– Have you ever been to France?
– Someone has stolen my eraser!
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
- Future perfect: S + will + have + V.3
- ใช้กับเรื่องที่คาดว่าจะจบลงในอนาคต
ตัวอย่างประโยค
– He will have studied English for a year next week. (เขาจะเรียนภาษาอังกฤษครบหนึ่งปีในอาทิตย์หน้า)
– They will have seen the doctor Tuesday morning. (พวกเขาจะไปพบแพทย์วันอังคารตอนเช้า)
- ใช้คู่กับ Present Simple เมื่อเรื่องที่คาดว่าจะจบในอนาคตจบแล้ว มีอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นต่อกันพอดี
– She will have cleaned the dishes when I get home. (เธอคงจะล้างจานเสร็จแล้วตอนฉันมาถึงบ้าน)
– By the time you arrive, I will have gone to bed. (กว่าคุณจะมาถึง ฉันคงจะเข้านอนแล้ว)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
สีสุดท้าย perfect continuous: สีนี้จะมีนิสัยคล้ายกันกับ perfect แต่จะเน้นความต่อเนื่องของการกระทำ
- Past perfect continuous: S + had + been + V.ing
* Tense นี้สามารถใช้คู่กับ Past simple ได้ ในกรณีเกิดเหตุการณ์สองเหตุการณ์แทรกกัน เรียนเพิ่มเติมอีกบท *
- ใช้กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น กำลังทำอยู่ในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดแทรกกลางคัน
ตัวอย่างประโยค
– We had been walking for 30 minutes when it started to rain. (ตอนนั้นเรากำลังเดินเล่นกันอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนที่ฝนจะตกลงมากลางคัน)
– When the phone rang, I had been watching TV. (โทรศัพท์ดังขึ้นมากลางคั่นในขณะที่ฉันกำลังดูทีวีอยู่)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
- Present perfect continuous: S + has/have + been + V.ing
- ใช้กับเรื่องที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยจะเสร็จแล้วหรือไม่เสร็จก็ได้
ตัวอย่างประโยค
– It has been raining for four hours. (ฝนตกอย่างต่อเนื่องมาสี่ชั่วโมงแล้ว)
– They have been running for 20 minutes. (พวกเขาวิ่งอย่างต่อเนื่องมา 20 นาทีแล้ว)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
3. Future perfect continuous: S + will + have + been + V.ing
- ใช้คู่กับ Present Simple เมื่อเรื่องที่หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ แล้วมีเรื่องที่สองเกิดขึ้นต่อกันพอดี โดยที่เรื่องที่หนึ่งอาจจะเสร็จแล้วหรือไม่เสร็จก็ได้
ตัวอย่างประโยค
– I will have been exercising when you arrive. (ฉันคงจะออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องอยู่ตอนที่คุณมาถึง)
– When he wakes up, she will have been watering flowers. (ตอนที่เขาตื่นนอน เธอคงจะกำลังรดน้ำดอกไม้อย่างต่อเนื่องอยู่)
อ่านเนื้อหานี้เพิ่มเติมแบบละเอียด คลิ๊กตรงนี้
การทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ และประโยคคำถาม
กรณีที่ 1 : เป็นคำถาม yes/no
ถ้าในประโยคมี Verb to be ( is, am, are หรือ was, were)
- ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง verb to be ได้เลย เช่น
– I am a good cook. 🡪 I am not a good cook.
- ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา verb to be มาไว้หน้าสุด เช่น
– I am a good cook. 🡪 Am I a good cook? **อย่าลืมใส่ ? ท้ายคำถามนะคะทุกคน
เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, you are. / No, you are not.
ถ้าในประโยคมี Verb to have (have, has, had)
- ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้า verb to have (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)
-
- Do + ประธานพหูพจน์
-
- Does + ประธานเอกพจน์
** ยกเว้นในกรณีถามประสบการณ์ใน Perfect tense จะใช้
S + verb to have + never… ในปฏิเสธ
verb to have + S + ever + …? ในคำถาม
- ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น
– He has a big house. 🡪 He does not have a big house.
- ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น
– He has a big house. 🡪 Does he have a big house?
เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, he does. / No, he doesn’t.
ถ้าในประโยคมี Modal verb (can, should, must)
- ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง Modal verb ได้เลย เช่น
– This bird can fly. 🡪 This bird cannot fly. **ไม่ต้องเว้นวรรคระหว่าง can กับ not
– I should go outside. 🡪 I should not go outside.
- ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา Modal verb มาไว้หน้าสุด เช่น
– This bird can fly. 🡪 Can this bird fly?
– I should go outside. 🡪 Should I go outside?
เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, it can. / No, it can’t.
ถ้าในประโยคมีกริยาอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างบน
ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้าคำกริยา (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)
- ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น
– We go to school together. 🡪 We do not go to school together.
- ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น
– I love you. 🡪 Do you love me?
เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, I do. / No, I don’t.
กรณีที่ 2 : เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นข้อมูลไม่ใช่ yes/no
ให้นำคำถามขึ้นต้นประโยค (Wh- question) มาไว้ด้านหน้าประโยคคำถามแบบ yes/no ได้เลย
- What = อะไร มักใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เวลาวันที่ เช่น
What is your favorite animal?
What time is it?
- Where = ที่ไหน มักใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่ เช่น
Where do we meet?
Where are you?
- When = เมื่อไร มักใช้ถามเกี่ยวกับวันเวลา เช่น
When is Christmas?
When will they sleep?
- Why = ทำไม มักใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล เช่น
Why are you so cute?
Why did you do that?
- Who = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคน เช่น
Who does he like?
Who is she?
- Whose = ของใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ (ถามว่าเป็นของใคร) เช่น
Whose pen is it?
Whose are these?
- Whom = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคนเหมือน who แต่คนที่ถูกพูดถึงจะต้องเป็นกรรม เช่น
Whom are you waiting for?
Whom do you serve?
- Which = อันไหน/สิ่งไหน มักใช้ถามเวลาให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
Which dress do you like?
Which is nicer?
- How = อย่างไร/เท่าไร มักใช้ถามเรื่องราคา จำนวน สุขภาพ อายุ ความถี่ วิธีการทำ เช่น
How much is this?
How many pets do you have?
How do you do? หรือ How are you?
How old are you?
How often do you exercise?
How do you go to work?