Parts of speech : Adjectives (คำคุณศัพท์)
ในหัวข้อนี้ เป็นหัวข้อของ Adjectives ( คำคุณศัพท์ ) เราจะมาคำตอบกันว่า คืออะไร และใช้งานยังไง
มีหน้าที่ ใช้ขยายคำนาม เพื่อช่วยให้เราเห็นภาพ และเข้าใจคำนามนั้น ๆ มากยิ่งขึ้น เช่น ผู้ชายหล่อ (หล่อ ขยายคำว่า ผู้ชาย ฉะนั้น adjectives = หล่อ) แมวอ้วน (อ้วน ขยายคำว่า แมว ฉะนั้น adjectives = อ้วน)
ประเภทของ Adjectives (คำคุณศัพท์)
- Proper Adjective (คุณศัพท์แสดงสัญชาติ) : มาจาก Proper Noun และต้องขึ้นต้นด้วยตัวใหญ่เสมอ เช่น
Proper Noun : England — Proper Adjective : English
Proper Noun : America — Proper Adjective : American
Proper Noun : Thailand — Proper Adjective : Thai - Descriptive Adjective (คุณศัพท์แสดงคุณสมบัติ) : ใช้บอกลักษณะ คุณสมบัติ หรือความพิเศษ *ใช้บ่อยที่สุด*
เช่น handsome, tall, kind, gentle, happy, efficient, smart, selfish, angry, sad เป็นต้น - Quantitative Adjective : ใช้แสดงปริมาณของนามที่นับไม่ได้ มีมากหรือน้อย แต่ไม่บอกจำนวน
เช่น any, much, half, little, some, great, all เป็นต้น - Numeral Adjective : ใช้บอกจำนวนมาก/น้อยของนามที่นับได้ หรือบอกลำดับก่อนหลัง แบ่งเป็น 2 จำพวก คือ
– บอกจำนวนที่แน่นอน (Definite Numeral) อาจแบ่งได้เป็น 3 ชนิด
1) บอกจำนวนนับ (Cardinal) : one, two, three
2) บอกลำดับที่ (Ordinal) : first, second, third
3) บอกจำนวนเท่า (Multiplicative) : single, double, triple
– บอกจำนวนที่ไม่แน่นอน (Indefinite Numeral)
เช่น many, no, few, some, several, any, all, enough - Demonstrative Adjective : ระบุเจาะจงว่าเป็นคำนามอันไหน สิ่งไหน หรือคนใด เจอบ่อยอยู่ 4 ตัว ได้แก่
– This ใช้ชี้ของหนึ่งชิ้น ที่อยู่ใกล้ ๆ
– That ใช้ชี้ของหนึ่งชิ้น ที่อยู่ไกล ๆ
– These ใช้ชี้ของหลายชิ้น ที่อยู่ใกล้ ๆ
– Those ใช้ชี้ของหลายชิ้น ที่อยู่ไกล ๆ
ระวัง! : อย่าสับสนกับ Definite Pronoun เพราะหน้าตาเหมือนกัน
จำไว้ว่า Pronoun = Noun อยู่คนเดียวได้ แต่ Adjective ต้องพึ่ง Pronoun/Noun เสมอ เช่นThis is a book. 🡪 This book is good. หรือ Are these free? 🡪 Are these seats free? - Distributive Adjective : ทำหน้าที่ แยกย่อยคำนาม เช่น
– Each boy was given a toffee. (each = แต่ละ : ใช้สำหรับ 2 สิ่งหรือมากกว่าขึ้นไป)
– Every book has its own inspiration. (every = ทุก ๆ : ใช้เฉพาะคำนามที่มากกว่า 2 สิ่งขึ้นไป)
– Either of you can walk me home. (either = อันใดอันหนึ่งใน 2 สิ่ง)
– Neither of them is good. (neither = ไม่ใช่ทั้ง 2 สิ่ง)
– None of us is perfect. (none = ไม่เลย)
– Both you and I are fun. (both = ทั้งคู่ ทั้งสอง)
– I love any dish my mom cooks. (any = สักอย่าง บ้างไหม) - Possessive Adjective : วางไว้หน้านามเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
ระวัง! : อย่าสับสนกับ Possessive Adjective เพราะหน้าตาคล้ายกัน จำไว้ว่า Pronoun = Noun อยู่คนเดียวได้ แต่ Adjective ต้องพึ่ง Pronoun/Noun เสมอ เช่น
He is mine. 🡪 He is my boyfriend. หรือ Is this yours? 🡪 Is this your book?จะเห็นได้ว่า mine = Possessive Pronoun ส่วน my = Possessive Adjective
yours = Possessive Pronoun ส่วน your = Possessive Adjective - Interrogative Adjective : ขยายคำนามที่อยู่ในคำถามให้ชัดเจนขึ้น เช่น
– Who = ผู้ซึ่ง/คนที่ ใช้กับสิ่งมีชีวิต
– Whom = ผู้ซึ่ง/คนที่ ใช้กับคน (ทำหน้าที่เป็นกรรม มักใช้ในภาษาที่เป็นทางการ)
– Whose = เป็นของ ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ
– Which = อันไหน คนไหน ชิ้นไหน ใช้กับสัตว์และสิ่งของ
– That = ซึ่ง/ที่ ใช้กับคน สัตว์ สิ่งของ (มักใช้ในภาษาที่ไม่เป็นทางการ)
– Where = ที่ ใช้กับสถานที่
– When = ตอน/เมื่อ ใช้กับเวลา
– Why = ทำไม ใช้กับเหตุผล
– What = สิ่งที่/อะไรที่ ใช้กับสิ่งต่าง ๆระวัง! : อย่าสับสนกับ Interrogative Adjective เพราะหน้าตาเหมือนกัน จำไว้ว่า Pronoun = Noun อยู่คนเดียวได้ แต่ Adjective ต้องพึ่ง Pronoun/Noun เสมอ
เช่น Whose is this? 🡪 Whose dog is this? หรือ Which is yours? 🡪 Which gift is yours?