Imperative Sentence :
ประโยคที่ใช้ Verb base form (V.inf) มาขึ้นต้นประโยค
- ประธานของประโยคเป็นบุรุษที่ 2 ซึ่งจะถูกละไว้ (ไม่เขียนประธานนั่นเอง)
- ลงท้ายด้วยเครื่องหมาย period (.) หรือ exclamation mark (!) เสมอ
- ทำหน้าที่เป็นประโยคคำสั่ง การตักเตือน การเชื้อเชิญ
- สามารถทำให้เป็นการขอร้องได้ ด้วยการเติม please เข้าไปในประโยค โดยจะขึ้นอยู่กับน้ำเสียงและเจตนาของผู้พูด และความสัมพันธ์ระหว่างผู้พูดกับผู้ฟัง
ประเภทของ Imperative Sentence และ โครงสร้างของประโยค :
- Imperative sentence ในประโยคบอกเล่า (บอกให้ทำอะไร) :
Verb base form (V.inf) + สิ่งที่ต้องการให้ทำ หรือ ใช้แค่ Verb base form คำเดียวก็ได้
เช่น
Sit down. (นั่งลง)
Get out! (ออกไป!)
Look! (ดูสิ!) - Imperative sentence ในประโยคปฏิเสธ (สั่งห้ามไม่ให้ทำอะไร) :
Don’t (Do not) + Verb base form (V.inf)
เช่น
Don’t touch me. (อย่าแตะต้องตัวฉัน)
Don’t be late! (อย่ามาสาย!)
Don’t worry. (ไม่ต้องกังวล) - Imperative sentence ในการขอร้อง :
เติม please (กรุณา,ได้โปรด) ไว้ข้างหน้าหรือท้ายประโยคก็ได้เพื่อเพิ่มความสุภาพ
*ถ้าวาง please ไว้ท้ายประโยคจะต้องมี comma (,) คั่นก่อนด้วย
เช่น
Don’t tell it to anyone, please. (ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ).
Please be quiet. (กรุณาเงียบ)
Please don’t forget me. (ได้โปรดอย่าลืมฉัน)
Pass me the salt, please. (ส่งเกลือมาให้ฉันหน่อยค่ะ) - Imperative sentence ในการเชื้อเชิญ :
เติม Let’s / Let’s not ไว้ข้างหน้า verb base form โดยการเชื้อเชิญนี้จะรวมตัวผู้พูดเข้าไปด้วย
เช่น
Let’s have fun! (ไปสนุกกันเถอะ!)
Let’s not tell him the truth. (เราอย่าบอกความจริงเขานะ)
Let’s get some lunch. (เราไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ)
Let’s go to the beach. (ไปทะเลกันดีกว่า)
การใช้ Imperative Sentence ในกรณีพิเศษ
- Imperative sentence แบบมีประธาน :
โดยปกติแล้ว Imperative Sentence จะถูกละประธานไว้ แต่เราสามารถระบุประธานเพื่อความชัดเจนได้
เช่น
Everybody stand up. (ทุกคนยืนขึ้น)
You be careful. (ระวังด้วยนะคุณ)
Jenny stop! (เจนนี่ หยุดนะ!) - Imperative sentence แบบนามธรรม :
ใช้ประโยค Imperative เพื่อแสดงความปรารถนาหรือข้อเสนอแนะได้ โดยไม่ถือเป็นประโยคคำสั่งจริง ๆ
เช่น
Have a safe flight. (ขอให้เดินทางปลอดภัยนะ)
Get well soon. (ขอให้หายไวๆนะ)
If the mall is closed, let’s go to the theater. (ถ้าห้างปิด เราไปที่โรงละครกันเถอะ) - การใช้ Do ในประโยค Imperative :
เราสามารถเติม do ไว้หน้าคำกริยาใน Imperative Sentence เพื่อเน้นให้เป็นประโยคขอร้อง ตำหนิ หรือเป็นคำสั่งมากขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้มีความสุภาพมากขึ้นอีกด้วย
เช่น
Do let me know how your trip is going. (บอกฉันด้วยนะว่าทริปของเธอเป็นอย่างไร)
Do shut up, dude! (หุบปากไปเลยนะเพื่อน)
Do tell me, please. (ช่วยบอกผมหน่อยนะ) - การใช้ never, ever, always ในประโยค imperative :
เราสามารถใช้ never, ever, always ไว้หน้าคำกริยาใน imperative sentence เพื่อเน้นสิ่งที่พูด
เช่น
Never go back to him. (อย่ากลับไปหาเขานะ)
Always wear a mask. (สวมหน้ากากไว้เสมอ)
Don’t ever leave your house with the door open again! (อย่าออกจากบ้านโดยไม่ปิดประตูอีกนะ) - การใช้ and ในประโยค imperative :
บางครั้งเราสามารถใช้ and แทนประโยคเงื่อนไข (if-clause) ได้ใน imperative sentence
เช่น
Put some more salt, and your food will be delicious. (ใส่เกลือเพิ่มอีก แล้วอาหารของคุณจะอร่อย)
โดย if-clause ของประโยคนี้ คือ If you put some more salt, your food will be delicious. - การใช้ question tag ในประโยค Imperative :
ใช้ question tag มาวางไว้หลัง Imperative Sentence ได้กับประโยคคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ โดย
– ใช้ won’t ในการเชิญชวน – ใช้ can, can’t, will, would ในการสั่ง
เช่น
Do it now, will you? (จะทำเลยใช่ไหม)
Smoke outside, would you? (จะสูบบุหรี่ข้างนอกใช่ไหม)
Let’s tell him, won’t we? (เราจะบอกเขาใช่ไหม)
Don’t forget it, will you? (จะไม่ลืมใช่ไหม)