Singular Noun and Plural Noun : คำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์
ในหัวข้อนี้เราจะมาเรียนรู้กันในเรื่องของ Singular Noun and Plural Noun ว่ามีความหมายอย่างไร และใช้งานยังไง ก่อนอื่นเรามาทบทวนความรู้กันก่อน
Noun (คำนาม) คือ คำที่ใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ หรือสถานที่ต่าง ๆ
ทำหน้าที่ได้หลากหลายอย่าง ดังนี้
- ประธาน (Subject) วางไว้ที่ต้นปะโยค และอยู่หน้าคำกริยา
- กรรม (Object) อยู่หลังคำกริยาที่ต้องมีกรรมมารองรับเสมอ
- กรรมกลังบุพบท (Object of a Preposition) อยู่หลังคำบุพบท
- ส่วนเติมเต็ม (Complement) มักวางไว้ตามหลังคำจำพวก be , have , become
คำนามเอกพจน์และพหูพจน์
นามเอกพจน์ (Singular Noun) คือ คำนามที่มีเพียง สิ่งเดียว ชิ้นเดียว จำนวนเดียว คือมีเพียงหนึ่ง
- คน เช่น a girl , a surgeon , a colleague
- สัตว์ เช่น a kitten , a hen , a leopard
- สิ่งของ เช่น a vehicle , an air-conditioner, a newspaper
- สถานที่ เช่น a mall, a hospital, an airport
นามพหูพจน์ (Plural Noun) คือ คำนามที่มีสองจำนวนขึ้นไป
- คน เช่น 3 girls , 2 surgeons , 5 colleagues
- สัตว์ เช่น kittens , hens , leopards
- สิ่งของ เช่น 4 vehicles , 2 air-conditioners, 3 newspapers
- สถานที่ เช่น 6 malls , 7 hospitals , 4 airports
การเปลี่ยนนามเอกพจน์ให้เป็นนามหูพจน์
- ในคำปกติทั่วไป มักจะสามารถเติม s ต่อท้ายคำได้เลย
เช่น car 🡪 cars - ถ้าคำนั้นลงท้ายด้วย s , ss , sh , ch , x , z ให้เติม es
เช่น bus 🡪 buses - ลงท้ายด้วย o และข้างหน้าเป็นพยัญชนะ เติม es
เช่น hero 🡪 heroes - ลงท้ายด้วย o และข้างหน้าเป็นสระ เติม s
เช่น video 🡪 videos - ลงท้ายด้วย y และข้างหน้าเป็นพยัญชนะ เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
เช่น country 🡪 countries - ลงท้ายด้วย y และข้างหน้าเป็นสระ เติม s
เช่น day 🡪 days - ลงท้ายด้วย f, fe เปลี่ยนเป็น v แล้วเติม es
เช่น life 🡪 lives - ลงท้ายด้วย is เปลี่ยน is เป็น es
เช่น thesis 🡪 theses - เปลี่ยนสระหรือเปลี่ยนรูปไปเลย
เช่น man 🡪 men, tooth 🡪 teeth, person 🡪 people - หน้าตาเหมือนกันทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ คือไม่เปลี่ยนรูปเลย
เช่น fish, deer, sheep, series, species - เป็นพหูพจน์เสมอ ไม่มีทางเป็นเอกพจน์
เช่น scissors, jeans, pants, pajamas, slippers